ขั้นตอนการทำ
- ต้มน้ำให้เดือด จากนั้นปิดไฟ นำปลาทูลงไปแช่ในน้ำเดือด ประมาณ 30 นาที จากนั้นนำปลาทูออกมาพักเอาไว้ก่อน
- ตั้งหม้อต้ม ใส่ หางกะทิลงไปต้ม ด้วยไฟอ่อนๆ ใส่ กะปิ น้ำตาลปี๊บ พริกไทยและน้ำมะขามเปี๊ยก เมื่อส่วนผสมละลายแล้วให้ใส่ ปลาทูลงไปต้ม พร้อมด้วยสายบัว
- ต้มต่อไปด้วยไฟอ่อนๆ ใส่ พริกชี้ฟ้าสด และ หอมแดงลงไป เมื่อต้มลงไปสักพักหนึ่ง ให้กลับตัวปลาทู
- ชิมรสชาติ หากรสไม่กลมกล่อม ให้เติมน้ำปลาลงไป เมื่อรสชาติได้ที่
- ให้ปิดไฟ และ ใส่หัวกะทิลงไป แล้วเสริฟใส่จาน
เคล็ดลับการทำแกงกะทิสายบัวปลาทู
- ปลาทู ให้เลือกปลาทูสดๆ เป็นปลาทูเข่งตัวใหญ่ จะได้เนื้อเยอะๆ สำหรับการนำปลาทูทาต้มสายบัว เนื้อปลาทูเข่งจะมีรสเค็ม หากนำมาต้มแกงกะทิเลย อาจทำให้เราไม่สามารถควบคุมรสชาติของแกงได้ เนื่องจากความเค็มอาจมากเกินไป ดังนั้น เทคนิคกการเตรียมปลาทูสำหรับ นำมาต้มแกงกะทิสายบัว ให้นำปลาทูแช่น้ำร้อนก่อน สัก 30 นาทีให้ปลาทูคลายความเค็ม
- กะทิ สำหรับนำมาทำแกงกะทิ ให้เลือกใช้ น้ำกะทิคั้นสด เนื่องจากความหอมของกะทิสดๆ จะให้รสชาติที่อร่อยมากกว่ากะทิกระป๋อง แต่การทำน้ำกะทิ ต้องทำให้สะอาด โดยการกรองด้วยผ้าขาวบางหลายๆ รอบ อย่าให้มีสิ่งเจือปนในอาหาร
- ไฟที่ใช้ในการต้มแกงกะทิ นั้น สำคัญต้องใช้ไฟอ่อนๆ ให้อาหารค่อยๆสุก เนื่องจากสายบัวสุกง่าย หากใช้ไฟแรงบาวบัวก็จะเละเกินไป และ กะทิก็จะแตกมัน ทำให้ไม่น่ารับประทาน
- แกงสายบัว หากต้มไปนานๆ แกงกะทิจะออกสีน้ำตาล ไม่น่ารับประทาน ให้ใส่หัวกะทิเพิ่มลงไปตอนเสริฟ จะทำให้แกงกะทิ มีสีขาวสวยมากขึ้นน่ารับประทาน
- สายบัว สุกง่าย การต้มสายบัว ไม่ต้องคลนแกงในหม้อมาก อาจทำให้สายบัวเละไม่น่ารับประทาน
- เทคนิคการต้มแกงสายบัว การต้มปลาทูไม่ต้องคลนตัวปลาทูมาก เนื่องจากเนื้อปลาสุกและเละง่ายให้วางในหม้อต้ม และ ใช้การพลิกตัวปลาเบาๆ
อาหารพื้นบ้าน อย่างแกงสายบัว เป็นอาหารที่สามารถหาได้ง่ายในท้องถิ่นทั่วไป อาหารง่ายๆ รสชาติ หวาน มัน เปรี้ยว กับ เนื้อปลาทูแสนอร่อย เป็น อาหารแนะนำสำหรับวันว่างๆ ของครอบครัว
ขอขอบคุณที่มาข้อมูลจาก แกงกะทิสายบัวปลาทู อาหารไทย เมนูแกง เมนูปลา (nlovecooking.com)